ผลการดำเนินงาน ปี 2025
SDG2-5 : National hunger

1. ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
การจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม” ด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งได้ทำงานยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่อง โดย ใช้เนื้อที่จำลองกว่า 10 ไร่ เปิดฐานการเรียนรู้/กิจกรรมการสร้างองค์ความรู้ จำนวน 6 ฐาน เช่น การปลูกไม้ยืนต้น การทำนา การปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกหญ้าแฝก การทำฝายชะลอน้ำ การทำคลองไส้ไก่ คันนาทองคำ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้สัมผัสและลงมือปฏิบัติจริง เช่น เรียนรู้เรื่องการปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ช่วยกักเก็บตะกอนดิน ลดการสูญเสียธาตุอาหารพืชจากพื้นที่ เพิ่มอินทรียวัตถุแก่ดินและรักษาความชื้นในดิน เป็นต้น

 

ผลผลิตที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ฯ

 

2.  ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

 ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาพืชเกษตรหลักที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครปฐม โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมสำหรับการผลิตพืช เช่น ไม้ผล ข้าว ผักต่างๆ และพืชดอก ทั้งนี้เพื่อตอยสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาทางการเกษตรในจังหวัดนครปฐม รวมถึงการแก้ปัญหาหารผลิตผลผลิตพืชในพื้นที่ให้มีคุณภาพและปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรนอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดเทตโนโลยีให้กลุ่มเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพของเกษตรกร และการอนุรักษ์สายพันธุ์พืชที่เป็นพืชถิ่นที่สำคัญอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม

3. โครงการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนานวัตกรสู่ความยั่งยืน

          มหาวิทยาลัยได้ดำเนินพันธกิจในการเป็นที่พึ่งของชุมชนในการขจัดความยากจนในทุกมิติ (ending poverty in all its forms) โดยมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ (economic resilience) การขจัดความยากจนผ่านการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยได้ใช้ทรัพยากร องค์ความรู้ และนวัตกรรมที่มีอยู่ จัดทำโครงการและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชน (Local Start-ups) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมการพัฒนาวัตถุดิบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

โครงการและการดำเนินงานที่สำคัญ

          มหาวิทยาลัยได้ลงพื้นที่ชมชนเพื่อศึกษาปัญหา ความต้องการของชุมชน และบูรณาการองค์ความรู้ ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญของคณาจารย์และนักวิจัย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจฐานรากผ่านโครงการสำคัญ ดังนี้

1. โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรม องค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนโดยตรง เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจ (access to economic resources) และเทคโนโลยี เพื่อสร้าง อาชีพที่ยั่งยืน (sustainable livelihoods) ให้แก่ชุมชนเกษตรกร ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (การผลิตพืชปลอดภัย) ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม ประกอบด้วยกิจกรรมหลักที่ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น ได้แก่:

  • การถ่ายทอดนวัตกรรมเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กิจกรรมนวัตกรรมการจัดการจุลินทรีย์และสารสกัดจากพืชเพื่อการผลิตกระชายแบบชีววิธี
  • การสนับสนุนการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการพัฒนาและส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดการใช้ประโยชน์จากกระชาย
  • กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการจัดการผลผลิตทางเกษตร
  • กิจกรรมการผลิตพืชแบบปลอดภัย
  • กิจกรรมยกระดับเกษตรมูลค่าสูง
  • การส่งเสริม การตลาดและการท่องเที่ยว (นวัตกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวชุมชน)

2. โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (University as a Marketplace)

          มหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็น "ตลาดแห่งความรู้" จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมี ช่องทางเข้าถึงตลาด (market access) และสร้าง ธุรกิจที่ยั่งยืน (sustainable business) ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดสมัยใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการ สร้างรายได้ (income generation) ให้กับครัวเรือน และได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการ สภาพปัญหา จนนำไปสู่การพัฒนาการตลาดแบบบูรณาการ ส่งผลให้ชุมชนได้รับผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นทั้งสิ้น 25 ผลิตภัณฑ์

3. โครงการพัฒนาต้นแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG

          โดยมหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยมาช่วยชุมชนพัฒนา ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากสีเปลือกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสร้างมูลค่าจากสิ่งของเหลือใช้ เป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม (social innovation) ที่ช่วยสร้าง การเสริมพลังทางเศรษฐกิจ (economic empowerment) ให้แก่ชุมชน โดยการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ถือเป็นการสนับสนุน วิสาหกิจชุมชน (community enterprise) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

4. โครงการยกระดับการท่องเที่ยวบนฐานวิถีชีวิตใหม่จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

          มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (digital inclusion) เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ (economic opportunities) ใหม่ๆ ผ่านการท่องเที่ยวชุมชน ให้ทรัพยากรและความรู้ในการสร้างเครื่องมือประชาสัมพันธ์ดิจิทัล เช่น การสร้าง เว็บไซต์ด้วย Google Sites ให้กับชุมชนตำบลห้วยม่วง เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว ผลลัพธ์จากการสนับสนุนนี้ทำให้ชุมชนได้รับ รางวัลกิจกรรมดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567 ซึ่งการที่ชุมชนตำบลห้วยม่วงได้รับรางวัลระดับจังหวัด เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการ เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ท้องถิ่น (local empowerment)

5. โครงการสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)

          มหาวิทยาลัยไม่ได้มองแค่การผลิต แต่ให้ความช่วยเหลือเชิงระบบผ่าน โครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเพื่อสร้างมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในด้านเกษตร อาหาร และการท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจชุมชนเติบโตได้อย่างมั่นคง

6.โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (NPRU Start up) โครงการนี้เป็นการลงทุนใน การพัฒนาทุนมนุษย์ (human capital development) โดยตรง มุ่งเน้นการเปลี่ยนนักศึกษาและศิษย์เก่าให้เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ ผ่านกระบวนการบ่มเพาะที่ครบวงจร:

  • พัฒนาทักษะและความรู้: จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ "NPRU Startup Design Thinking Camp" เพื่อสร้างทัศนคติและเสริมทักษะการบริหารธุรกิจที่ยั่งยืน
  • ให้คำปรึกษาเชิงลึก: ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการพัฒนาตราสินค้า (Branding)
  • สร้างความรู้ทางการเงิน: จัดอบรมให้ความรู้ด้าน การเงิน การบัญชี และภาษี (financial literacy) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้เกิดผลกำไรสูงสุด
  • ผลลัพธ์เชิงประจักษ์: ประสบความสำเร็จในการสร้าง ผู้ประกอบการใหม่จำนวน 8 ราย ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดจริง ได้แก่ อู๊ดห่อหมกปลาช่อน, สบู่สมุนไพร, กุ้งหวานเค็ม, หมูแดดเดียวหม่าล่า, แฮมเบอร์เกอร์, น้ำมะนาวผสมเยลลี่น้ำผึ้ง, น้ำตาลมะพร้าว และหมูแดดเดียว

สรุปผลลัพธ์และผลกระทบเชิงประจักษ์

          การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่สร้างทักษะและรายได้ แต่ยังเป็นการสร้าง ระบบการคุ้มครองทางสังคม (social protection systems) ในระดับชุมชนและในกลุ่มบัณฑิต ช่วยลดความเปราะบางและสร้าง ภูมิคุ้มกัน (resilience) ต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืน ดังนี้

  • สร้างองค์ความรู้และทักษะ: ชุมชนและผู้ประกอบการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม และความรู้ด้านการตลาดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 500 คน
  • เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่: เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกระชาย ผ้ามัดย้อมจากวัสดุเหลือใช้ และเกิดบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ
  • เพิ่มรายได้และสร้างอาชีพ: โครงการต่างๆ ช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชนโดยตรง จากกิจกรรมที่หนุนเสริมทำให้ครัวเรือนมีแหล่งผลิตพืชผักและอาหารปลอดภัยในครัวเรือนนำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้และสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน และได้ติดตามข้อมูลครัวเรือน 63 ครัวเรือน มีครัวเรือนที่มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จำนวน 37 ครัวเรือน
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น นำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็ง

รายละเอียดเพิ่มเติมดังเอกสารแนบ

4. งาน "นครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย ศูนย์กลาง นำครัวไทย สู่ครัวโลก"

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้วอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมด้วยรศ.ดร.สุวิมล นวลพระลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ผศ.สมพล สุขเจริญพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผศ.ดร.ปิยะวรรณ ปิ่นแก้ว อาจารย์สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษานำสินค้าเกษตรปลอดภัย และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น และผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของนักศึกษา ไปจัดแสดงในงาน "นครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย ศูนย์กลาง นำครัวไทย สู่ครัวโลก" เพื่อร่วมขับเคลื่อนนครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย และModel โครงการยกระดับเกษตรมูลค่าสูง ณ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-15 กุมภาพันธ์2567

อ้างอิงข่าวประชาสัมพันธ์

5. สถาบันวิจัยและพัฒนา จัดกิจกรรมขับเคลื่อนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน

สถาบันวิจัยและพัฒนา จัดกิจกรรมขับเคลื่อนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันเมื่อมื่ วันวั ที่ 18 -19 กรกฎาคม 2567 ผศ.ดร.พิทักทักษ์พษ์งศ์ ป้อมปราณี รองอธิการบดี พร้อมด้วย รศ.ดร.กิติกิพัติ พันธ์บุญอินทร์ อาจารย์สาขาวิชาฟิกสิกส์ ได้เป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ผลิตพืชที่ปลอดภัยพร้อมทั้งสนับสนุน วัสดุอุปกรณ์ และออกแบบวางระบบการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติโดยติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อสนับสนุน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน จัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาณ ศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านไกรเกรียง ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสวัดิ์ จ.กาญจนบุรี
“กิจกิกรรมขับเคลื่อนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ” ซึ่งเป็นการจัดการระบบอาหารกลางวันที่มีคุณภาพตั้งแต่กระบวนการผลิตโดยใช้วัตถุดิบอาหารที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนมีอาหารที่ปลอดภัยไว้บริโภคในโรงเรียน

ข่าวประชาสัมพันธ์ 

6. การประชุมวางแผนขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมสู่เมืองเกษตรอาหารปลอดภัย

     เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (มรน.) โดย ผศ.ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดี ได้เป็นเจ้าภาพและเข้าร่วมการประชุมวางแผนปฏิบัติการนครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย. การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาที่สำคัญในจังหวัดนครปฐม เพื่อ สร้างเครือข่ายความร่วมมือ (building partnerships) และ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ (knowledge sharing).

หน่วยงานที่เข้าร่วม:

  • มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

  • สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม

  • สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม

  • สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม

  • สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม

  • สำนักงานประมงจังหวัดนครปฐม

  • หอการค้าจังหวัดนครปฐม

  • สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม

  • มหาวิทยาลัยมหิดล

  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

วัตถุประสงค์หลัก:

  1. เพื่อร่วมกัน ขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมสู่เมืองเกษตรอาหารปลอดภัย (driving Nakhon Pathom towards a safe food agricultural city).

  2. เพื่อสร้าง ความร่วมมือทางวิชาการ (academic collaboration).

  3. เพื่อ พัฒนาเกษตรกรและผู้ประกอบการ (developing farmers and entrepreneurs) ในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน.

ผลที่คาดว่าจะได้รับ:

        การประชุมวางแผนครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการ ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี (knowledge and technology transfer) สู่เกษตรกรและผู้ผลิตอาหารในท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมและโครงการที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริม ความมั่นคงทางอาหาร (food security) และ การเกษตรที่ยั่งยืน (sustainable agriculture) ในจังหวัดนครปฐม.

สถานที่จัด: ห้อง GSB INNOVATION CLUB ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=35684

7. การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์งานวิจัยด้านเกษตรระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ฯ และ Shanghai Academy of Agricultural Science (SAAS)

กิจกรรม: การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์งานวิจัยด้านเกษตรระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ฯ และ Shanghai Academy of Agricultural Science (SAAS)

     เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 คณะผู้บริหารและคณาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม นำโดย ผศ.ดร.ดวงใจ ชนะสิทธิ์ รองอธิการบดี และ รศ.ดร.พงษ์นาถ นาถวรานันต์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย ดร.เกรียงไกร มีถาวร และ อาจารย์ณฤดล ผอูนรัตน์ จากสาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจาก Shanghai Academy of Agricultural Science (SAAS) สาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย Prof. Dr. Yongjin Qiao, Director of Agricultural products Storage and Processing Research Center.

     การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้อง SC108 อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์งานวิจัยทางการเกษตร (exchanging knowledge and experience in agricultural research) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลกเปลี่ยนทางวิจัยด้านเกษตรระหว่างสองสถาบัน. การแลกเปลี่ยนนี้ถือเป็นการส่งเสริม การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education) และ การพัฒนานวัตกรรม (Innovation) ทางการเกษตร เพื่อนำไปสู่ การเกษตรที่ยั่งยืน (Sustainable Agriculture).

     นอกจากการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้แล้ว คณะผู้แทนจาก SAAS ยังได้ ศึกษาดูงานด้านการเกษตร (field study visits) ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและพื้นที่ใกล้เคียง. กิจกรรมทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้าง ความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Partnerships) เพื่อยกระดับงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหา ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน.

ข่าวประชาสัมพันธ์: https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=34914

8. การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อการขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมสู่เมืองเกษตรและอาหารปลอดภัย

        เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ผศ.ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมด้วย ดร.สุกิจ ศรีบัวทอง ประธานหอการค้าจังหวัดนครปฐม และ ผศ.ว่าที่ร้อยตรี ดร.ศิริชัย ศรีพรหม ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมสู่เมืองเกษตรและอาหารปลอดภัย โดยมี ผศ.ดร.พิทักษ์พงศ์ ป้อมปราณี รองอธิการบดี, ผศ.ประภาพรรณ เพียรชอบ ผู้ช่วยอธิการบดี และบุคลากรจากหน่วยงานในเครือข่ายเข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุม 3/2 อาคารสิริวรปัญญาหน่วยงานที่ลงนาม

  1. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (มรน.) โดย ผศ.ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดี
  2. หอการค้าจังหวัดนครปฐม โดย ดร.สุกิจ ศรีบัวทอง ประธานหอการค้าฯ
  3. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดย ผศ.ว่าที่ร้อยตรี ดร.ศิริชัย ศรีพรหม ผู้ช่วยอธิการบดี

วัตถุประสงค์ความร่วมมือ:

  1. เพื่อร่วมกัน ขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐมสู่เมืองเกษตรและอาหารปลอดภัย
  2. เพื่อ สร้างความร่วมมือในการพัฒนาองค์ความรู้ ด้านเกษตรและอาหารปลอดภัย
  3. เพื่อ พัฒนาเกษตรกรและผู้ประกอบการ ในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

      โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างสถาบันการศึกษาชั้นนำ 2 แห่ง และองค์กรภาคเอกชนหลักของจังหวัดนครปฐม เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารของจังหวัดให้มีความปลอดภัยและยั่งยืน. ความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัย สนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการให้มีศักยภาพสูงขึ้น และท้ายที่สุดคือการสร้างเมืองนครปฐมให้เป็นเมืองแห่งเกษตรและอาหารปลอดภัย

ข่าวประชาสัมพันธ์: https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=35749