ผลการดำเนินงาน ปี 2025
SDG1 : No Poverty

1. ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
การจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม” ด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งได้ทำงานยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่อง โดย ใช้เนื้อที่จำลองกว่า 10 ไร่ เปิดฐานการเรียนรู้/กิจกรรมการสร้างองค์ความรู้ จำนวน 6 ฐาน เช่น การปลูกไม้ยืนต้น การทำนา การปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกหญ้าแฝก การทำฝายชะลอน้ำ การทำคลองไส้ไก่ คันนาทองคำ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้สัมผัสและลงมือปฏิบัติจริง เช่น เรียนรู้เรื่องการปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ช่วยกักเก็บตะกอนดิน ลดการสูญเสียธาตุอาหารพืชจากพื้นที่ เพิ่มอินทรียวัตถุแก่ดินและรักษาความชื้นในดิน เป็นต้น

 

ผลผลิตที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ฯ

 

2. นโยบายการจัดหาอย่างมีจริยธรรม

นโยบายมหาวิทยาลัยสีเขียว (NPRU Green University)

          มหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยฯ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกิดการลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน มหาวิทยาลัยจึงได้จัดทำนโยบายมหาวิทยาลัยสีเขียว (NPRU Green University) เพื่อให้อาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ร้านค้าผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย

 

นโยบายอนุรักษ์พลังงาน

          มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้จัดทำประกาศ เรื่อง นโยบายอนุรักษ์พลังงาน  เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานด้านการจัดการพลังงาน และเพื่อให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการพลังงานในหน่วยงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

3.  ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

 ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาพืชเกษตรหลักนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาพืชเกษตรหลักที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครปฐม โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมสำหรับการผลิตพืช เช่น ไม้ผล ข้าว ผักต่างๆ และพืชดอก ทั้งนี้เพื่อตอยสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาทางการเกษตรในจังหวัดนครปฐม รวมถึงการแก้ปัญหาหารผลิตผลผลิตพืชในพื้นที่ให้มีคุณภาพและปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรนอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดเทตโนโลยีให้กลุ่มเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพของเกษตรกร และการอนุรักษ์สายพันธุ์พืชที่เป็นพืชถิ่นที่สำคัญอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม

4. การสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาที่เป็นกลุ่มขาดแคลนเงิน

จำนวนผู้ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี เพื่อพัฒนาสาขาวิชาสู่ความเป็นเลิศ ประจำปีการศึกษา 2565 จำนวน 140 ทุน โดยมีนักศึกษาผู้รับทุน ที่สำเร็จการศึกษา จำนวน 25 คน รายละเอียดดังนี้

5. มาตรการประหยัดพลังงาน

มาตรการประหยัดพลังงาน

          มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้จัดทำประกาศ เรื่อง มาตรการประหยัดพลังงาน  เพื่อเป็นแนวทางการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน  เช่น มาตรการประหยัดไฟฟ้า มาตรการประหยัดน้ำมัน มาตรการลดค่าใช้โทรศัพท์ มาตรการลดค่าไปรษณีย์ มาตรการประหยัดน้ำประปา การลดใช้พลาสติก

6. adadadadadadaadadad

7. โครงการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนานวัตกรสู่ความยั่งยืน

          มหาวิทยาลัยได้ดำเนินพันธกิจในการเป็นที่พึ่งของชุมชนในการขจัดความยากจนในทุกมิติ (ending poverty in all its forms) โดยมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ (economic resilience) การขจัดความยากจนผ่านการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยได้ใช้ทรัพยากร องค์ความรู้ และนวัตกรรมที่มีอยู่ จัดทำโครงการและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชน (Local Start-ups) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมการพัฒนาวัตถุดิบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

โครงการและการดำเนินงานที่สำคัญ

          มหาวิทยาลัยได้ลงพื้นที่ชมชนเพื่อศึกษาปัญหา ความต้องการของชุมชน และบูรณาการองค์ความรู้ ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญของคณาจารย์และนักวิจัย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจฐานรากผ่านโครงการสำคัญ ดังนี้

1. โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรม องค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนโดยตรง เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจ (access to economic resources) และเทคโนโลยี เพื่อสร้าง อาชีพที่ยั่งยืน (sustainable livelihoods) ให้แก่ชุมชนเกษตรกร ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (การผลิตพืชปลอดภัย) ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม ประกอบด้วยกิจกรรมหลักที่ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น ได้แก่:

  • การถ่ายทอดนวัตกรรมเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กิจกรรมนวัตกรรมการจัดการจุลินทรีย์และสารสกัดจากพืชเพื่อการผลิตกระชายแบบชีววิธี
  • การสนับสนุนการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการพัฒนาและส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดการใช้ประโยชน์จากกระชาย
  • กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการจัดการผลผลิตทางเกษตร
  • กิจกรรมการผลิตพืชแบบปลอดภัย
  • กิจกรรมยกระดับเกษตรมูลค่าสูง
  • การส่งเสริม การตลาดและการท่องเที่ยว (นวัตกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวชุมชน)

2. โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (University as a Marketplace)

          มหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็น "ตลาดแห่งความรู้" จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมี ช่องทางเข้าถึงตลาด (market access) และสร้าง ธุรกิจที่ยั่งยืน (sustainable business) ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดสมัยใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการ สร้างรายได้ (income generation) ให้กับครัวเรือน และได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการ สภาพปัญหา จนนำไปสู่การพัฒนาการตลาดแบบบูรณาการ ส่งผลให้ชุมชนได้รับผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นทั้งสิ้น 25 ผลิตภัณฑ์

3. โครงการพัฒนาต้นแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG

          โดยมหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยมาช่วยชุมชนพัฒนา ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากสีเปลือกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสร้างมูลค่าจากสิ่งของเหลือใช้ เป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม (social innovation) ที่ช่วยสร้าง การเสริมพลังทางเศรษฐกิจ (economic empowerment) ให้แก่ชุมชน โดยการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ถือเป็นการสนับสนุน วิสาหกิจชุมชน (community enterprise) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

4. โครงการยกระดับการท่องเที่ยวบนฐานวิถีชีวิตใหม่จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

          มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (digital inclusion) เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ (economic opportunities) ใหม่ๆ ผ่านการท่องเที่ยวชุมชน ให้ทรัพยากรและความรู้ในการสร้างเครื่องมือประชาสัมพันธ์ดิจิทัล เช่น การสร้าง เว็บไซต์ด้วย Google Sites ให้กับชุมชนตำบลห้วยม่วง เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว ผลลัพธ์จากการสนับสนุนนี้ทำให้ชุมชนได้รับ รางวัลกิจกรรมดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567 ซึ่งการที่ชุมชนตำบลห้วยม่วงได้รับรางวัลระดับจังหวัด เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการ เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ท้องถิ่น (local empowerment)

5. โครงการสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)

          มหาวิทยาลัยไม่ได้มองแค่การผลิต แต่ให้ความช่วยเหลือเชิงระบบผ่าน โครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเพื่อสร้างมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในด้านเกษตร อาหาร และการท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจชุมชนเติบโตได้อย่างมั่นคง

6.โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (NPRU Start up) โครงการนี้เป็นการลงทุนใน การพัฒนาทุนมนุษย์ (human capital development) โดยตรง มุ่งเน้นการเปลี่ยนนักศึกษาและศิษย์เก่าให้เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ ผ่านกระบวนการบ่มเพาะที่ครบวงจร:

  • พัฒนาทักษะและความรู้: จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ "NPRU Startup Design Thinking Camp" เพื่อสร้างทัศนคติและเสริมทักษะการบริหารธุรกิจที่ยั่งยืน
  • ให้คำปรึกษาเชิงลึก: ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการพัฒนาตราสินค้า (Branding)
  • สร้างความรู้ทางการเงิน: จัดอบรมให้ความรู้ด้าน การเงิน การบัญชี และภาษี (financial literacy) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้เกิดผลกำไรสูงสุด
  • ผลลัพธ์เชิงประจักษ์: ประสบความสำเร็จในการสร้าง ผู้ประกอบการใหม่จำนวน 8 ราย ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดจริง ได้แก่ อู๊ดห่อหมกปลาช่อน, สบู่สมุนไพร, กุ้งหวานเค็ม, หมูแดดเดียวหม่าล่า, แฮมเบอร์เกอร์, น้ำมะนาวผสมเยลลี่น้ำผึ้ง, น้ำตาลมะพร้าว และหมูแดดเดียว

สรุปผลลัพธ์และผลกระทบเชิงประจักษ์

          การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่สร้างทักษะและรายได้ แต่ยังเป็นการสร้าง ระบบการคุ้มครองทางสังคม (social protection systems) ในระดับชุมชนและในกลุ่มบัณฑิต ช่วยลดความเปราะบางและสร้าง ภูมิคุ้มกัน (resilience) ต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขจัดความยากจนอย่างยั่งยืน ดังนี้

  • สร้างองค์ความรู้และทักษะ: ชุมชนและผู้ประกอบการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม และความรู้ด้านการตลาดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 500 คน
  • เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่: เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกระชาย ผ้ามัดย้อมจากวัสดุเหลือใช้ และเกิดบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ
  • เพิ่มรายได้และสร้างอาชีพ: โครงการต่างๆ ช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชนโดยตรง จากกิจกรรมที่หนุนเสริมทำให้ครัวเรือนมีแหล่งผลิตพืชผักและอาหารปลอดภัยในครัวเรือนนำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้และสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน และได้ติดตามข้อมูลครัวเรือน 63 ครัวเรือน มีครัวเรือนที่มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จำนวน 37 ครัวเรือน
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น นำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็ง

รายละเอียดเพิ่มเติมดังเอกสารแนบ

8. จำนวนนักศึกษาขาดแคลนที่ได้รับทุนการศึกษา

จำนวนนักศึกษาขาดแคลนที่ได้รับทุนการศึกษา
            มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมยึดมั่นในปรัชญาการเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยตระหนักว่า การศึกษาคือเครื่องมือสำคัญในการขจัดความยากจน และสร้างความเสมอภาคทางสังคม จึงมุ่งมั่นที่จะเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักศึกษาที่มาจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อย (กลุ่มรายได้ครัวเรือน 20% ล่างสุดของประเทศ) เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและสำเร็จการศึกษาไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติต่อไป
           ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้จัดสรรทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 351 คน ดังนี้

 
การกำหนดเป้าหมายและการเข้าถึงนักศึกษากลุ่มขาดแคลน
มหาวิทยาลัยมีแนวทางในการระบุและเข้าถึงนักศึกษากลุ่มเป้าหมาย ดังนี้:
   1. ข้อมูลการรับสมัคร: ใช้ข้อมูลรายได้ครัวเรือนและข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นจากระบบการรับสมัครนักศึกษา (TCAS) และการรับสมัครตรงของมหาวิทยาลัย เพื่อคัดกรองและระบุกลุ่มนักศึกษาที่เข้าข่ายขาดแคลนทุนทรัพย์เบื้องต้น
   2. การคัดกรองเชิงรุก: หน่วยงานกองพัฒนานักศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษา ทำหน้าที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับแหล่งทุนต่างๆ แก่นักศึกษาที่แสดงความประสงค์หรือมีแนวโน้มว่าจะต้องการความช่วยเหลือ
   3. ระบบฐานข้อมูลนักศึกษา: จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสถานะทางเศรษฐกิจของนักศึกษา (โดยได้รับความยินยอม) เพื่อใช้ในการวางแผนจัดสรรทุนและให้ความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด
   4. จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณา: เพื่อพิจารณาให้นักศึกที่มีความขาดแคลนและต้องการทุนการศึกษาอย่างแท้จริง
การดำเนินงานและโครงการสนับสนุน
มหาวิทยาลัยได้ดำเนินงานผ่าน 2 กลไกหลัก คือ การมอบทุนการศึกษาโดยตรง และการแสวงหาความร่วมมือจากภายนอก
1. การมอบทุนการศึกษาโดยตรงจากมหาวิทยาลัย ที่มาจากการจัดสรรงบประมาณเงินรายได้ส่วนหนึ่ง เพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาประเภทต่างๆ เช่น:
   - ทุนเรียนดีแต่ขาดแคลน
   - ทุน 84 พรรษา
   - ทุนจากกองทุนเพื่อการศึกษาและพัฒนาบุคลิกภาพ
2. การประสานงานความร่วมมือเพื่อขอสนับสนุนทุนจากภายนอก:  มหาวิทยาลัยดำเนินงานเชิงรุกในการสร้างเครือข่ายและประสานความร่วมมือกับองค์กรภายนอก เพื่อระดมทุนการศึกษาเพิ่มเติมให้กับนักศึกษา ได้แก่:
   • ภาคเอกชน: สร้างความร่วมมือกับบริษัท ห้างร้าน ในการมอบทุนการศึกษา หรือสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานักศึกษา
   • มูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล: ประสานงานเพื่อขอรับการจัดสรรทุนการศึกษาจากมูลนิธิต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการศึกษา
   • ศิษย์เก่าและผู้มีจิตศรัทธา: ประชาสัมพันธ์และเปิดช่องทางรับบริจาคเพื่อสมทบทุนการศึกษาแก่นักศึกษารุ่นน้อง
 
ผลลัพธ์และผลกระทบ (Outcomes and Impact)
   • นักศึกษากลุ่มเป้าหมาย สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ได้มากขึ้น ช่วยลดอุปสรรคทางการเงินในการศึกษาต่อ
   • อัตราการสำเร็จการศึกษา ของนักศึกษาจากครอบครัวรายได้น้อยเพิ่มสูงขึ้น
   • ลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา
หลักฐานอ้างอิง

1.ทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนดี จำนวน 80 ทุน

2.ทุนอุดหนุนการศึกษาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ครั้งที่ 1 จำนวน 33 ทุน

3.ทุนอุดหนุนการศึกษาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ครั้งที่ 2 จำนวน 16 ทุน

4.ทุนนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 3 ทุน

4.ทุนจากการขอความร่วมมือ จำนวน 46 ทุน

9. การให้บริการจัดฝึกอบรม โครงการ/กิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงพัฒนาการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานสำหรับทุกคน

          มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมในฐานะสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มีความมุ่งมั่นในการนำองค์ความรู้ นวัตกรรม และทรัพยากรไปใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตได้อย่างเท่าเทียม บริการขั้นพื้นฐานในที่นี้ครอบคลุมด้าน สุขภาพ (รวมถึงโภชนาการ) และ มาตรฐานการครองชีพ (รวมถึงอาหารปลอดภัย น้ำดื่ม สุขอนามัย พลังงานสะอาด ที่อยู่อาศัย และการสร้างทรัพย์สิน/รายได้) ผ่านการจัดโครงการฝึกอบรมและกิจกรรมที่หลากหลาย

โครงการและการดำเนินงานที่สำคัญ

          มหาวิทยาลัยได้ลงพื้นที่ชมชนเพื่อศึกษาปัญหา ความต้องการของชุมชน และบูรณาการองค์ความรู้ ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญของคณาจารย์และนักวิจัย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจฐานรากผ่านโครงการสำคัญ ดังนี้

1. โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรม องค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนโดยตรง เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจ (access to economic resources) และเทคโนโลยี เพื่อสร้าง อาชีพที่ยั่งยืน (sustainable livelihoods) ให้แก่ชุมชนเกษตรกร ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (การผลิตพืชปลอดภัย) ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม ประกอบด้วยกิจกรรมหลักที่ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น ได้แก่:

  • การถ่ายทอดนวัตกรรมเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กิจกรรมนวัตกรรมการจัดการจุลินทรีย์และสารสกัดจากพืชเพื่อการผลิตกระชายแบบชีววิธี
  • การสนับสนุนการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการพัฒนาและส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดการใช้ประโยชน์จากกระชาย
  • กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการจัดการผลผลิตทางเกษตร
  • กิจกรรมการผลิตพืชแบบปลอดภัย
  • กิจกรรมยกระดับเกษตรมูลค่าสูง
  • การส่งเสริม การตลาดและการท่องเที่ยว (นวัตกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวชุมชน)

2. โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (University as a Marketplace)

          มหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็น "ตลาดแห่งความรู้" จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมี ช่องทางเข้าถึงตลาด (market access) และสร้าง ธุรกิจที่ยั่งยืน (sustainable business) ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดสมัยใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการ สร้างรายได้ (income generation) ให้กับครัวเรือน และได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการ สภาพปัญหา จนนำไปสู่การพัฒนาการตลาดแบบบูรณาการ ส่งผลให้ชุมชนได้รับผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นทั้งสิ้น 25 ผลิตภัณฑ์

3. โครงการพัฒนาต้นแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG

          โดยมหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยมาช่วยชุมชนพัฒนา ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากสีเปลือกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสร้างมูลค่าจากสิ่งของเหลือใช้ เป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม (social innovation) ที่ช่วยสร้าง การเสริมพลังทางเศรษฐกิจ (economic empowerment) ให้แก่ชุมชน โดยการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ถือเป็นการสนับสนุน วิสาหกิจชุมชน (community enterprise) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

4. โครงการยกระดับการท่องเที่ยวบนฐานวิถีชีวิตใหม่จากภูมิปัญญาท้องถิ่น

          มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (digital inclusion) เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ (economic opportunities) ใหม่ๆ ผ่านการท่องเที่ยวชุมชน ให้ทรัพยากรและความรู้ในการสร้างเครื่องมือประชาสัมพันธ์ดิจิทัล เช่น การสร้าง เว็บไซต์ด้วย Google Sites ให้กับชุมชนตำบลห้วยม่วง เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว ผลลัพธ์จากการสนับสนุนนี้ทำให้ชุมชนได้รับ รางวัลกิจกรรมดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567 ซึ่งการที่ชุมชนตำบลห้วยม่วงได้รับรางวัลระดับจังหวัด เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการ เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ท้องถิ่น (local empowerment)

5. โครงการสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)

          มหาวิทยาลัยไม่ได้มองแค่การผลิต แต่ให้ความช่วยเหลือเชิงระบบผ่าน โครงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเพื่อสร้างมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในด้านเกษตร อาหาร และการท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจชุมชนเติบโตได้อย่างมั่นคง

6. การส่งเสริมด้านสุขภาพ โภชนาการ และสุขภาวะ

          มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการให้ความรู้และสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนทุกช่วงวัย รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี

  • การดูแลผู้สูงอายุ, นวัตกรรมการบริหารจัดโรงเรียนผู้สูงอายุฯ, และกิจกรรม "สูงวัยอย่างไรให้มีสุขภาวะ": ให้ความรู้ ดูแล และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ (สุขภาพ)
  • โครงการพื้นที่ต้นแบบสิ่งแวดล้อมสู่สุขภาวะ: พัฒนาสภาพแวดล้อมในชุมชนให้น่าอยู่ ถูกสุขลักษณะ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม (สุขภาพ, สุขอนามัย, ที่อยู่อาศัย)
  • โครงการ "เด็กยุคใหม่ห่างไกลควันบุหรี่" และ โครงการส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาในโรงเรียน: มุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มเด็กและเยาวชน (สุขภาพ)
  • การดำเนินงานของ ศูนย์ทดสอบอาหารปลอดภัย: สร้างความมั่นใจในคุณภาพอาหารที่จำหน่ายในชุมชน (สุขภาพ, โภชนาการ)

สรุปผลลัพธ์และผลกระทบเชิงประจักษ์

          กิจกรรมและโครงการเหล่านี้ได้ส่งผลให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัวมากขึ้น เข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาด และมีช่องทางในการสร้างรายได้ที่หลากหลายขึ้น ซึ่งล้วนเป็นการ เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม

หลักฐานอ้างอิง

1.โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและโรงเรียนผู้สูงอายุ

2.โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 

3.โครงการพัฒนาต้นแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG 

4.กิจกรรม ผู้สูงอายุ

5.กิจกรรม เด็กยุคใหม่ห่างไกลควันบุหรี่

6.ศูนย์ทดสอบอาหารปลอดภัย

10. งาน "นครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย ศูนย์กลาง นำครัวไทย สู่ครัวโลก"

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้วอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมด้วยรศ.ดร.สุวิมล นวลพระลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ผศ.สมพล สุขเจริญพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผศ.ดร.ปิยะวรรณ ปิ่นแก้ว อาจารย์สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษานำสินค้าเกษตรปลอดภัย และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น และผลงานออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของนักศึกษา ไปจัดแสดงในงาน "นครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย ศูนย์กลาง นำครัวไทย สู่ครัวโลก" เพื่อร่วมขับเคลื่อนนครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย และModel โครงการยกระดับเกษตรมูลค่าสูง ณ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-15 กุมภาพันธ์2567

อ้างอิงข่าวประชาสัมพันธ์

11. โครงการ KICK OFF การขับเคลื่อนกิจกรรมโคก หนอง นา อารยเกษตร ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลโพรงมะเดื่อ

      มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมได้เข้าร่วมกิจกรรม KICK OFF เพื่อขับเคลื่อนโครงการ "โคก หนอง นา อารยเกษตร" ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567. โครงการนี้ส่งเสริม เกษตรทฤษฎีใหม่ (New Theory Agriculture) และ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ในระดับครัวเรือนและชุมชน

      ในการเข้าร่วมครั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้นำ ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมการใช้ พลังงานสะอาด  และช่วยในการถนอมผลผลิต ลดการสูญเสีย พร้อมด้วยผลผลิตทางการเกษตร ไปร่วมจัดแสดงและ ถ่ายทอดความรู้ (knowledge transfer). ยิ่งไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยได้มอบตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวให้กับศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลโพรงมะเดื่อ เพื่อให้ชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป อันเป็นการสนับสนุน การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (Sustainable Community Development )

      การเข้าร่วมกิจกรรมนี้เป็นการตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนเพื่อส่งเสริมแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข่าวประชาสัมพันธ์: https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=36151

12. การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ “ราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 7 วิจัย นวัตกรรม พลิกโฉมการพัฒนาท้องถิ่นสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน”

      เมื่อวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร คณะผู้บริหารได้แก่ ศ.ดร.พิทักษ์พงศ์ ป้อมปราณี (รองอธิการบดี), รศ.ดร.จักรพงษ์ แก้วขาว (ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา)  และเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาใน "การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 7" ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “วิจัย นวัตกรรม พลิกโฉมการพัฒนาท้องถิ่นสู่ สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” และ เรื่อง “SDGs และ BCG กับมุมมองคนรุ่นใหม่ ต่องานวิจัยและนวัตกรรมไทย”

     การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เป็นการส่งเสริม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้  และสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ (Networking & Partnerships) ระหว่างนักวิจัยและนักวิชาการจากทั่วประเทศและนานาชาติ หัวข้อหลักของการประชุมมุ่งเน้นการนำ งานวิจัยและนวัตกรรม (Research and Innovation ) มาใช้เป็นเครื่องมือในการ พัฒนาท้องถิ่น (Local Development) เพื่อขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความก้าวหน้าและสร้าง เศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Economy ) การมีส่วนร่วมในเวทีสำคัญนี้ ช่วยให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยได้รับทราบแนวโน้มงานวิจัยล่าสุด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความร่วมมือที่จะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/rdi.npru/posts/pfbid0CNCACSjxs3mp8upLkZgdjqMuKZhivuWsFSgjFokDJr7rESStToVpnDHP1pnTxA9Rl

13. กิจกรรมการประยุกต์ใช้ GMP และการขออนุญาตผลิตอาหารตามมาตรฐาน (อย.) แก่วิสาหกิจชุมชน

    14 มิถุนายน 2567 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้และคำแนะนำเรื่อง "การประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice - GMP)" และ "การขออนุญาตผลิตอาหารตามมาตรฐาน (อย.)" ให้แก่ผู้ประกอบการ ณ วิสาหกิจชุมชนพื้นบ้านลานอาหารแปรรูป จังหวัดสมุทรสาคร. กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนฯ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พุฒิยา รัตนศิริวัฒน์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ประภาพรรณ เพียรชอบ เป็นวิทยากร ถ่ายทอดความรู้ (Knowledge Transfer) เนื้อหาการอบรมมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจและสามารถนำ มาตรฐาน GMP (GMP Standards) ไปปรับใช้ในการผลิตอาหาร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ สะอาด ปลอดภัย (Safe Food) และมีคุณภาพตามข้อกำหนด นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นสำหรับการขออนุญาตผลิตอาหารตาม มาตรฐาน อย.  กิจกรรมสำคัญคือ การจำลองสถานการณ์ให้ผู้ประกอบการได้ฝึก ประเมินสถานที่ผลิตอาหาร (Facility Assessment) ของตนเองตามข้อกำหนดพื้นฐาน โดยใช้แบบฟอร์ม ตส.๒ (๖๓) เพื่อประเมินความพร้อมก่อนการตรวจประเมินจริง.

    การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการ สร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) และ พัฒนาทักษะ (Skill Development) ให้กับ วิสาหกิจชุมชน (Community Enterprise) ให้สามารถยกระดับ มาตรฐานการผลิต (Production Standards) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสทางการตลาด และสนับสนุน การเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth) ของชุมชนอย่างยั่งยืน 

                                                         

ข่าวประชาสมพันธ์ : https://www.facebook.com/rdi.npru/posts/pfbid063uJGhMs7VnterBZTRw7StCdFKdv7MfXy37Fy2cUcvaXystpcVF1gfa1Zxmrh6qNl

14. กิจกรรม "การวาดภาพระบายสีถุงผ้ารักษ์โลก"

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (มรน.) จัดกิจกรรม "การวาดภาพระบายสีถุงผ้ารักษ์โลก" ณ บริเวณชั้น 1 อาคารห้องสมุด 5 ชั้น เพื่อรณรงค์ให้นักศึกษาและบุคลากรตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ถุงพลาสติก โดยเน้นการ ลดการใช้พลาสติก (Reduce Plastic) และสนับสนุน การใช้ผลิตภัณฑ์ซ้ำ (Reuse) หันมาใช้ถุงผ้าแทน

กิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เก่งกาจ ต้นทองคำ อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรน. มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดเทคนิคการวาดภาพและระบายสีบนถุงผ้า สร้างสรรค์ถุงผ้าธรรมดาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีนักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 57 คน

นอกจากนี้ ยังมีการประกวดวาดภาพระบายสีถุงผ้ารักษ์โลก ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 2,400 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจและเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความสามารถเชิงสร้างสรรค์ ผลการประกวดมีดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: นางสาวณัฏฐ์ญาณิน ไกรวินิจ (สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์)

  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: นางสาวจิรนันท์ เย็นนะสา (สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ)

  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: นางสาวฐิติกาญจน์ นฤมลสิริ (สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา)

  • รางวัลชมเชย: นางสาวกฤติยาภรณ์ กลิ่นดอกแก้ว (สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์) และ นายศุภณัฐ น้ำใจดี (สาขาวิชานาฏศิลป์และศิลปะการแสดง)

โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์กสมล ชนะสุข รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการฯ เป็นผู้มอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด

สำนักวิทยบริการฯ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน และขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกครั้งนี้ โดยทางสำนักฯ ยังมีกิจกรรมดีๆ และสนุกสนานให้ติดตามและเข้าร่วมอีกมากมายในอนาคต

 

No photo description available.

ข่าวประชาสัมพันธ์: https://www.facebook.com/aritnpru/posts/pfbid02Lb7e3gcCfDYkHJ1uFruoJyTL5t4nyZVENhz71vGXgZPvU8EFnGyr2bERxkHXrn3cl

15. สำนักวิทยบริการฯ จัดกิจกรรมบริการชุมชนโรงเรียนบ้านทุ่งหัวพรหม

     สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เดินหน้าสานต่อโครงการบริการชุมชนอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “Green Library: Wisdom of Life” โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพห้องสมุดโรงเรียนในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการปลูกฝังจิตสำนึกด้าน การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม  โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 คณะผู้บริหารและบุคลากรของสำนักวิทยบริการฯ ได้ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนบ้านทุ่งหัวพรหม เพื่อให้บริการวิชาการด้านการจัดการห้องสมุดอย่างเต็มรูปแบบ กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ การเข้าถึงสารสนเทศ (Access to Information) โดยดำเนินการจัดระบบทรัพยากรสารสนเทศตามระบบทศนิยมของดิวอี้ (000-900), ติดตั้งโปรแกรมห้องสมุดโรงเรียน, และ ถ่ายทอดองค์ความรู้และอนครูที่ดูแลงานห้องสมุดสอนครูที่ดูแลงานห้องสมุด เพื่อส่งเสริมความรู้ของวิชาชีพครูห้องสมุด ให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้สอดแทรกความรู้ด้าน การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (Environmental Conservation) ผ่านการตกแต่งห้องสมุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=33396

16. คณะวิทยาศาสตรืและเทคโนโลยี จับมือ อบต.ทัพหลวง ลงนาม MOU บริการวิชาการ-ฝึกอาชีพชุมชน ประเดิมหลักสูตร "ยาดมสมุนไพร"

    เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.พงษ์นาถ นาถวรานันท์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ องค์การบริหารส่วนตำบลทัพหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

    ในพิธีลงนามครั้งนี้ รศ.ดร.พงษ์นาถ นาถวรานันท์ คณบดีฯ ได้เป็นผู้ลงนามฝ่ายมหาวิทยาลัยฯ ร่วมกับ นายชนะกิจ พวงอินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทัพหลวง โดยมี ดร.กัญญา สอนสนิท, ผศ.ดร.รุ่งทิวา ชิดทอง อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ฯ และคณะผู้บริหารจาก อบต.ทัพหลวง ร่วมให้การต้อนรับและเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม SC 108 อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ฯสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ศึกษาวิจัย และให้บริการวิชาการแก่ชุมชนทัพหลวง โดยมุ่งเน้นการจัดโครงการฝึกอบรมอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างทักษะและรายได้เสริมให้กับชุมชน โดยประเดิมกิจกรรมแรกด้วยการฝึกอบรมอาชีพ “ทำยาดมสมุนไพร และพิมเสนน้ำ” ซึ่งเป็นการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริม สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=34390

17. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ฟื้นฟูประเพณี “ตักบาตรข้าวหลาม” ชุมชนวัดพระงาม ชู Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

    เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (มรน.) นำโดย ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดี พร้อมด้วย ผศ.ดร.พิทักษ์พงศ์ ป้อมปราณี รองอธิการบดี และคณะทำงานวิจัยได้เข้าร่วม "ประเพณีทำบุญตักบาตรข้าวหลามชุมชนวัดพระงาม" เนื่องในวันมาฆบูชา ณ วัดพระงาม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม กิจกรรมนี้เป็นการฟื้นฟูประเพณีท้องถิ่นที่เคยสูญหายไป โดยเป็นความร่วมมืออันเข้มแข็งระหว่างมหาวิทยาลัยฯ, สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน วัด และโรงเรียนในชุมชนวัดพระงาม. โดยมีเป้าหมายเพื่อนำ "ข้าวหลาม" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาอัตลักษณ์ของชุมชน มาสร้างกระแสเป็น Soft Power เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มต่อสังคม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดนครปฐม 

    ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดี กล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “ทวารวดีนครปฐม : สร้างคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.). โครงการนี้มุ่งเน้นการจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและสร้างสำนึกรักท้องถิ่น โดยชุมชนวัดพระงามถือเป็นพื้นที่สำคัญที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับอารยธรรมทวารวดี และมีภูมิปัญญาการเผาข้าวหลามซึ่งเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมายาวนาน บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความร่วมมือจากอาจารย์ นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ ที่มาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวหลาม เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้เข้มแข็งต่อไป

กิจกรรมนี้สะท้อนถึงการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังนี้:

1. การปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม : เป็นการฟื้นฟูและสืบสานประเพณีอันเป็น "ทุนวัฒนธรรม" (Cultural Capital) และ "ภูมิปัญญา" (Local Wisdom) ของชุมชนวัดพระงาม เพื่อสร้าง "จิตสำนึกรักท้องถิ่น" 

2. การเติบโตทางเศรษฐกิจและเศรษฐกิจฐานราก: กิจกรรมนี้มีเป้าหมายในการนำ "ข้าวหลาม" ซึ่งเป็น "สินค้าทางวัฒนธรรม" (Cultural Product) มาพัฒนาต่อยอดเป็น "Soft Power" เพื่อ "สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ" ให้กับจังหวัดนครปฐม และ "ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน"ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

3. ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา: การฟื้นฟูประเพณีครั้งนี้เกิดขึ้นจาก "ความร่วมมือของภาคีเครือข่าย"หลายภาคส่วน ที่ทำงานร่วมกันภายใต้โครงการวิจัย “ทวารวดีนครปฐม : สร้างคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=34650

18. สถาบันวิจัยและพัฒนา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล และวิสาหกิจชุมชน ปันสุขเบเกอรี่

   เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประพนธ์ เล็กสุมา รองผู้อำนวยการฯ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประภาพรรณ เพียรชอบ ผู้ช่วยอธิการบดี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พุฒิยา รัตนศิริวัฒน์, อาจารย์นิลุบล คงเปรม และเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนา ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ

   การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ "โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน" ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและนครปฐม โดยคณะทำงานได้เข้าติดตามประเมินผลการดำเนินงานและตรวจเยี่ยมสถานที่ผลิตของ 2 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ "กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล" ตำบลบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรสาคร และ "วิสาหกิจชุมชน ปันสุขเบเกอรี่" อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่อไป

   กิจกรรมนี้เป็นการบริการวิชาการแก่ชุมชนและความร่วมมือ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และตรวจเยี่ยมสถานที่ผลิตของกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น การสนับสนุนนี้มุ่งเป้าไปที่การยกระดับมาตรฐานการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการท้องถิ่นให้กับวิสาหกิจชุมชนและกลุ่มผู้ผลิตอาหารทะเล ในพื้นที่เป้าหมาย ทั้งยังเป็นการส่งเสริม การผลิตที่ยั่งยืน ยกระดับความปลอดภัยของอาหาร จากการใช้ "ทรัพยากรทางทะเล" (Marine Resources) อย่างยั่งยืน

ข่าวประชาสัมพันธ์ :  https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=35113

19. พัฒนาชุมชน จัดอบรมการวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)

    เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้จัด "โครงการอบรมบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตรภณ สุนทร รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เป็นประธานเปิดโครงการ และ ดร.สุธิดา สองสีดา ประธานสาขาวิชาการพัฒนาชุมชน เป็นผู้กล่าวรายงาน

    การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 24 เมษายน 2567 ณ สำนักคอมพิวเตอร์ ชั้น 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะด้านการจัดการ จัดเก็บข้อมูลชุมชนด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนด้วยการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเพื่อ การพัฒนาที่ยั่งยืน

    กิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก อาจารย์พีรพัฒน์ พันศิริ และคณาจารย์สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน มรน. พร้อมด้วย คุณชิงชัย หุมห้อง นักภูมิศาสตร์สายเทคโนโลยี จากบริษัท แมพพิเดีย จำกัด และผู้ก่อตั้งเพจ QGIS THAILAND COMMUNITY ร่วมเป็นวิทยากร การอบรมครั้งนี้ถือเป็นเวทีแห่ง การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และสะท้อนถึง ความร่วมมือหลายภาคส่วน (Multi-stakeholder Partnerships) อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายองค์กร ทั้งอาจารย์และบุคลากรจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS), หน่วยวิจัยไวรัสวิทยากำแพงเพชร, องค์การบริหารส่วนจังหวัด, เทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล และภาคเอกชน โดยมีคณาจารย์จากสาขาวิชาการพัฒนาชุมชน และผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชน (บริษัท แมพพิเดีย จำกัด) ร่วมเป็นวิทยากร

ข่าวประชาสัมพันธ์ : https://news.npru.ac.th/u_news/news_detail.php?news_id=35255